วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

การรับประทานอาหารปรับสมดุล

ยาเม็ดที่ ๗  การรับประทานอาหารปรับสมดุล

ผักฤทธิ์เย็นคืออะไร มีอะไรบ้าง (คลิ๊ก)
ผักฤทธิ์ร้อนคืออะไร มีอะไรบ้าง  (คลิ๊ก)
ธัญพืชฤทธิ์เย็น (คลิ๊ก)
ธัญพืชฤทธิ์ร้อน (คลิ๊ก)
การปรุงอาหารฤทธิ์ร้อน-ฤทธิ์เย็น (คลิ๊ก)
เมนูอาหารฤทธิ์เย็น และเมนูอาหารปรับสมดุลสไตล์หมอเขียว (คลิ๊ก)
หนังสือเมนูอาหารปรับสมดุล (ดาวโหลดฟรี เป็นวิทยาทาน) (คลิ๊ก)
การกินอาหารตามหลักแพทย์วิถีธรรม การรับประทาทนอาหารตามลำดับ (คลิ๊ก)
การกินตามหลักแพทย์วิถีธรรมสูตรอาหารสูตรย่ำยีมาร (คลิ๊ก)




วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การกินอาหารตามหลักการแพทย์วิถีธรรม (สูตรย่ำยีมาร)






 
ถอดรหัส ตอนที่ 1
การกินอาหารตามหลักการแพทย์วิถีธรรม (สูตรย่ำยีมาร)
การกินอาหารตามหลักการแพทย์วิถีธรรม (สูตรย่ำยีมาร) จะได้พลังจากอาหารมากที่สุดในโลก
1. ผักแต่ละสีมีความร้อนต่างกัน จากเย็นสุดไปสู่ร้อนสุด คือ ใส ขาว เขียว เหลือง แดง ม่วง ดำ
กินตามลำดับสี
  1. มันจะย่อยง่าย
  2. มันจะล้างความใจร้อน




2. ดูจากความแน่นความหลวม ผักที่มีความแน่นจะให้พลังที่มาก ให้กินหลวมก่อน ค่อยกินแน่นทีหลัง เช่น พริกหยวก พริกหวาน (หลวม) กับพริกไทย (แน่น)


3. ถ้ามีความแน่นพอๆ กัน ให้ดูกลิ่น กินอันไม่ฉุนก่อน(จืด เย็น) ตัวฉุนกินทีหลัง (ร้อน)

 

@กินตามลำดับ กินทีละอย่าง กินทีละชนิด เคี้ยวช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียดจนเป็นน้ำแล้วค่อยกลืน
@ถ้าขาดไขมันก็กินเนื้อมะพร้าว หรือ ธัญพืชมันๆ หรือ น้ำมันพืชเปล่าๆ มากินๆได้ 1-2 ชัอนชา หรือเท่าที่ชีวิตต้องการ
@กินเกลือปิดท้าย  ด้วยการละลายในน้ำซุป หรือละลายในน้ำ  (กินเกลือเฉลี่ยวันละ 1 ช้อนชา บางวันอาจไม่กินก็ได้)
@กินแบบนี้จะเข้าสู่ความเรียบง่ายจะสงบมาก เป็นสูตรย่ำยีมาร จะบรรลุธรรมทุกคำข้าว
@การเอาผักมาต้ม หรือ ผัดรวมกัน ธาตุของผักแต่ละชนิดจะสังเคราะห์กันเป็นธาตุใหม่ที่ชีวิตต้องการ เป็นธาตุรวมที่ชีวิตต้องการ และบางครั้งชีวิตก็ต้องการแบบแยกธาตุ เราก็กินผักลวกทีละชนิด ตามลำดับ
 

คำคม "เพชรจากใจเพชร"
ดร.ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว)
สวนป่านาบุญ 1
อ.ดอนตาล
จ.มุกดาหาร
12 กุมภาพันธ์ 2560

ถอดรหัส ตอนที่ 2
การกินอาหารตามหลัก
การแพทย์วิถีธรรม (สูตรย่ำยีมาร)
@การกินอาหารสูตรย่ำยีมาร ในครั้งนี้มีครบพร้อมทั้งพลังปัญญา พลังเจโต พลังหมู่ จะมีฤทธิ์ปราบมารที่มาก
@กินอาหาร กินเพื่อประโยชน์ กินเอาสาระในระดับปรมาณูเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด และกินเพื่อฆ่ากิเลส
@กินอาหาร เอาความจำเป็นและคุณค่าสูงสุดจบเลย ที่เหลือคือสิ่งลวงคือมาร
@กินเอาสาระทุกคำข้าว (เคี้ยวละเอียด) เราจะไม่กลัวไม่หวั่นไหวในสิ่งใดๆ
@กินทีละอย่าง กินเอาสาระ(ประโยชน์ระดับปรมาณู) เราจะไม่กลัวอะไรในโลก จะไม่กลัวตาย ไม่กลัวขาด
@อาหารสูตรย่ำยีมาร (พลังงานระดับนาโน หรือ นาโนฟูดส์)
@หลักการกินอาหารสูตรย่ำยีมาร
1. กินอาหารตามลำดับตามหลักการแพทย์วิถีธรรม
2. กินทีละอย่าง ทีละชนิด
 3. เป็นกระบวนการกำจัดของที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายตั้งแต่ต้นทางร่างกายจะได้รับแต่อาหารที่เป็นประโยชน์เท่านั้น
4. เคี้ยวให้ละอียดมากๆ ละเอียดจนเป็นน้ำแล้วค่อยกลืน
4.1.จะรู้ความจริงตามความเป็นจริง จะรู้ว่าอะไรถูกกันไม่ถูกกัน ถ้าถูกกันจะรับได้ดี ถ้าไม่ถูกกันมันจะต้านๆ
4.2 ล้างความชอบความชังในอาหารปรุงแต่งได้หมด    กามกับอัตตาตาย ล้างความใจร้อน
4.3  จะมีพลังงานเยอะเพราะเคี้ยวนาน จะได้พลังงานระดับปรมาณู 
 พลังงานระดับปรมาณูที่ได้จากการเคี้ยวที่ละเอียด เป็นพลังชีวิตที่คุ้มครองเซลล์ให้อยู่รอดปลอดภัยจากการทำลายล้างทั้งปวง (เพราะได้ทั้งพลังระดับปรมาณูและพลังโลกุตระ (ล้างกิเลส))
5. จะกินน้อยลงเพราะกินแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ มีพลังงานเยอะเพราะเคี้ยวนาน ปริมาณอาหารที่เรากินเข้าไปส่วนใหญ่จะเหลือ 1 ใน 3 ของปริมาณอาหารที่เราเคยรับประทาน ทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจากอาหาร จะรู้สึกเบาสบายกว่าเดิม ชีวิตเรียบง่ายกว่าเดิม กามก็ตาย อัตตาก็ตาย
6. ระบบย่อยจะมีประสิทธิภาพสูงสุด มันจะดูดตัวที่เป็นประโยชน์เข้าไปได้ง่าย และจะมีแสนยานุภาพแห่งพลังชีวิตสูงที่สุด คือ กินปริมาณน้อยลง แต่ได้พลังงานสูงสุดระดับปรมาณู
7.  มันจะดันตัวที่เป็นโทษออกไปได้ง่าย  พลังที่มากจะดันพิษได้มาก จะเกิดอาการไม่สบายได้เร็วแรงแต่จะอยู่ไม่นาน มันจะหมดไปเร็ว ที่สำคัญอย่ากลัว มารจะหลอกให้เรากลัว
8. กินอาหารแบบนี้จะไม่หิว จะไม่อิ่มแน่น จะเบาท้อง ดัชนีวัดคือ ไม่หิว แรงเต็ม พอเลย เลิกกินเลย  ถ้ากินเลยมันจะแน่นตามตัว มันจะดันพิษออก
9. จะสามารถคำนวณความต้องการของชีวิตได้อย่างแม่นยำ จะได้ประโยชน์สูง ประหยัดสุด ตรงตามวรรณะ 9
10. จิตจะนิ่ง ไม่กลัว ไม่หวั่นไหว จะเกิดอาการนิ่งสงบ จากการทำลายตัวชอบชัง (ความใจร้อน) พลังก็จะกลับมาเต็ม ความสงบจะมากขึ้น โรคจะน้อยลง ศักยภาพจะสูงขึ้น และก้าวไปสู่วรรณะ 9 เลี้ยงง่ายบำรุงง่าย ชีวิตจะไม่กลัวอะไร ไม่หวั่นไหวอะไร
11. แม้วันที่ต้องไปกินอาหารปรุง อาหารพิษก็ไม่ต้องกลัว ให้เคี้ยวให้ละเอียดที่สุด พิษจะออกฤทธิ์ได้แรงชัดเจนแต่จะอยู่ได้ไม่นานเป็นวัคซีน เพราะพลังชีวิตของเราจะมีพลังในการขับออกได้ทั้งหมด
12. ฝึกกินสูตรย่ำยีมารแบบ
บริสุทธิ์ กินอาหารตามลำดับกินทีละอย่าง ทีละชนิด เคี้ยวให้ละเอียดแบบบริสุทธิ์ ให้ได้สัก 3 วัน สลับกับการกินสูตรย่ำยีมารแบบปรุง 1 วัน สามารถปรับสัดส่วนตามความเหมาะสม เช่น บริสุทธิ์ 5 วัน ปรุง 2 วัน หรือ บริสุทธิ์ 1วัน ปรุง 1 วันสลับกันวันต่อวันก็ได้ ให้ทดลองดู
     วิธีการคือกินอาหารตามลำดับ กินกับข้าวทีละอย่าง ทีละชนิด  เช่น ตักผัดผักก็กินผัดผักให้หมด ตักแกงมาก็กินแกงให้หมด ตักน้ำพริกก็กินน้ำพริกให้หมด พอถึงข้าวก็กินแต่ข้าว ไม่กินผสมรวมกับกับข้าว เคี้ยวให้ละเอียด เป็นการฝึกให้ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าเราจะเจออาหารแบบไหน แบบบริสุทธิ์ 100% เราก็กินได้ แบบปรุงเราก็กินได้ ไม่หวั่นไหว ไม่กลัว ไม่กังวล ทำให้ชีวิตมีพลังที่สุด แข็งแรงที่สุด เป็นสุขมากที่สุด
 
@สำหรับท่านที่ไม่สามารถฝึกกินอาหารสูตรย่ำยีมารแบบบริสุทธิ์ได้ คือ กินอาหารตามลำดับ กินทีละอย่าง ทีละชนิด เคี้ยวให้ละเอียดแบบบริสุทธิ์ นั้น สามารถจะฝึกกินทีละอย่างทีละชนิดและเคี้ยวให้ละเอียด "เป็นบางคำ" (ปริเฉท คือ เป็นส่วนๆ ทำได้เป็นส่วนๆ สะสมชัยชนะเป็นส่วนๆ)ได้ และหากบางคำถ้าไม่ไหวก็ " กินร่วมผสมกับอย่างอื่นได้" เป็นการสะสมชัยชนะเช่นกัน ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดสารอาหาร ขาดแก้ง่าย แต่เกินแก้ยาก เอาออกยาก
@กินอาหารสูตรย่ำยีมารให้เป็นหลักของชีวิต
@ชีวิตต้องไม่ติดรวมไม่ติดแยก ชีวิตถึงจะมีความสุขที่สุด
@ความไม่กลัวทำให้ชีวิตมีพลังที่สุด แข็งแรงที่สุด เป็นสุขมากที่สุด
@การล้างกามได้ดีก็จะล้างอัตตาได้ดี การล้างอัตตาได้ดีก็จะล้างกามได้ดี จะครบรอบทั้งล้างกาม (สูตรย่ำยีมาร) ทั้งล้างอัตตา (อปริหานิยธรรม)
@กินอาหารอย่าไปอยากได้ความอร่อย มันจะได้รสอร่อยเป็นรสแห่งธรรม
@รสประโยชน์คือรสแห่งธรรม เลิศกว่ารสทั้งปวง
@รสประโยชน์ (วัตถุ + จิต = รสทิพย์) คือรสที่อร่อยที่สุดในโลก
@ความอร่อยอยู่ที่ใจที่เอาอะไรหรือไม่เอาอะไร กลัวหรือไม่กลัว
@ความอร่อยไม่ได้อยู่ที่วัตถุ มันอยู่ที่ความไม่กลัว
@ความอร่อยที่แท้จริงคือการปรุงความไม่กลัว ความไม่กังวล
@รสที่อร่อยที่สุดในโลกคือ รสไม่กลัวไม่กังวล
@ไม่กลัวไม่กังวล กินก็เป็นสุขไม่กินก็เป็นสุข
@กินเอาปรมาณู จะอร่อยทุกคำข้าว
@กินด้วยปัญญาจะทะลวงลมปราณ กินด้วยอัตตาจะล็อคลมปราณ
@กินแบบปรุง
1. มีกิเลส ชวนให้กินมาก แรงไม่เต็มเพราะเสียพลังให้กิเลส จะเสียพลังให้กิเลสไปชอบชังในอาหารนั้นๆ
2. อาหารที่ปรุง จะมีธาตุบางตัวที่ชีวิตไม่ต้องการปนเข้ามา จึงต้องกินเยอะเพื่อจะได้มีกำลังขับสิ่งที่ไม่ต้องการออกไป ทำให้ต้องเสียพลังไปขับสิ่งที่เป็นโทษออกจากร่างกาย
คำคม "เพชรจากใจเพชร"
ดร.ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว)
สวนป่านาบุญ 1
อ.ดอนตาล
จ.มุกดาหาร
12 กุมภาพันธ์ 2560


ถอดรหัส ตอนที่ 3
การกินอาหารตามหลักการแพทย์วิถีธรรม (สูตรย่ำยีมาร)
@เทคนิคการเคี้ยว
1. ต้องเคี้ยวให้ละเอียดจนเป็นน้ำ จนเอาชนะการกลืนได้แล้วค่อยกลืน
2. ถ้ายังเอาชนะการกลืนยังไม่ได้อย่ากลืน เรียกว่าบรรลุธรรมทุกคำข้าว
3.กิเลสจะรีบกลืน
กาม-จะได้กินคำต่อไป
อัตตา-จะได้รีบไปทำงาน
@วันใดที่ได้ของไม่ครบ เช่น ไม่มีผลไม้ ก็ตัดรอบด้วยใจที่เป็นสุข เหมือนพระป่าที่บางวันก็บิณฑบาตได้บ้างไม่ได้บ้าง ครบบ้างไม่ครบบ้าง ฝึกกินแต่สิ่งที่มี กินแต่สิ่งที่หาได้  และบางวันก็ให้ฝึกตัดอาหารบางอย่างบางชนิด เช่น บางวันไม่ตัดข้าวออกไม่ต้องกินข้าว บางวันตัดผลไม้ออกไม่ต้องกินผลไม้ เป็นต้น
@ให้กินอาหารสูตรย่ำยีมารด้วยปัญญาว่า วัว ควาย ช้าง ม้า กินแต่ผักหญ้าก็ยังไม่ตาย แต่แข็งแรงที่สุด
@บางวันอาจฝึกตัดไม่กินอะไรเลย  ที่สำคัญอย่ากลัว คนเราไม่ตายง่ายๆ มีคนที่อดอาหาร 30 กว่าวันก็ยังไม่ตาย
@จุดสำคัญคืออย่ากลัว  กินโดยไม่กลัว มีพลังที่สุดในโลก
@อาหารเป็นหนึ่งในโลก กินอาหารสูตรย่ำยีมาร กินด้วยความไม่กลัวไม่กังวล ทำให้เราอ่านและฆ่ากิเลสได้ทุกตัว
@เมื่อกินอาหารสูตรย่ำยีมารแบบบริสุทธิ์ได้ลงตัวแล้ว ร่างกายเราจะสะอาดมาก จิตเราจะสะอาดมาก จะมีปัญญาเห็นความต่างจากอาหารอื่นๆ ที่ไม่บริสุทธิ์ที่ปลอมปนเข้ามา จะเห็นความต่างความสกปรกเราต้องสะอาดมากพอ จึงจะเห็นจึงจะเปรียบเทียบได้
@การเปรียบเทียบความต่างนี้ ให้ทดลองกินอาหารสูตรย่ำยีมารแบบปรุง คือกินกับข้าว หรือกินขนมต่างๆ  ให้ทดลองทีละชนิดในแต่ละวัน คือ มีองค์ประกอบ
อาหารสูตรย่ำยีมารเหมือนเดิม กินตามลำดับ กินทีละอย่าง กินแยกชนิด สิ่งเพิ่มเติมคืออาหารแบบปรุงวันละ 1 อย่าง เวียนชนิดไป เมื่อกินเพิ่มเข้าไปแล้ว ชนิดใดมีผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง แตกต่างอย่างไรในแต่ละชนิด และแตกต่างจากวันที่กินอาหารสูตรย่ำยีมารแบบบริสุทธิ์อย่างไร จะได้เห็นผลต่างที่ชัดเจน ให้ลองเปรียบเทียบดู
@การกินอาหารสูตรย่ำยีมารแบบปรุง คือกินกับข้าว หรือกินขนมต่างๆ ให้ทดลอง 2 แบบ
1. เลือกอาหารที่เราไม่ชอบไม่ชัง ไม่ดูดไม่ผลัก รู้สึกว่าอาหารชนิดนี้จะกินก็ได้ ไม่กินก็ได้
2. เลือกอาหารที่เราชอบมากดูดมาก เป็นสิ่งเรายังชอบอยู่ ยังอยากอยู่
3. ทดลองแล้วเปรียบเทียบว่า 1 และ 2 เมื่อกินเพิ่มเข้าไปแล้ว มีผลต่อร่างกายแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร ให้สังเกตดู
@สุขจากเอาไม่ยั่งยืน สุขจากไม่เอายั่งยืนกว่า จะสุข สงบ เบา สบาย
คำคม "เพชรจากใจเพชร"
ดร.ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว)
สวนป่านาบุญ 1
อ.ดอนตาล
จ.มุกดาหาร
14 กุมภาพันธ์ 2560


ถอดรหัส ตอนที่ 4
การกินอาหารตามหลักการแพทย์วิถีธรรม (สูตรย่ำยีมาร)
@การกินอาหารสูตรย่ำยีมาร ยากที่สุดในโลก เป็นประโยชน์สูงสุดในโลก ถ้าฝึกได้แล้วก็จะเรียบง่ายที่สุดในโลก
@ถ้าเจออาหารที่เราชอบและเป็นอาหารที่มีประโยชน์ด้วย  ให้พิจารณาว่ามีตัวอื่นแทนได้ไหม ถ้ามีก็เอาตัวอื่นที่ชอบน้อยกว่าแทน แต่ถ้าไม่มีตัวอื่นแทนก็ให้กินตัวที่ชอบนั้น แต่เราต้องเคี้ยวให้ละเอียดแล้วตลบออกมาๆ ตรวจดูจนแน่ใจว่าละเอียดดีแล้ว และคุมกระบี่ได้ว่าจะกลืนหรือไม่กลืน  จะกินหรือไม่กิน แล้วค่อยกลืน จะทำลายกิเลสทุกคำข้าว จะฆ่ากิเลสทุกคำข้าว จะบรรลุธรรมทุกคำข้าว
@ไม่กลืนคือล้างความชอบ (กาม) พอกลืนคือล้างความชัง (อัตตา) เราไม่ติดแล้ว  คือล้างทั้งชอบทั้งชังในคำเดียวกัน คือบรรลุธรรมทุกคำข้าว
@กิเลสทุกตัวจะมาออกที่อาหาร ล้างชอบชังในอาหารได้ ก็จะล้างชอบชังในทุกเรื่องได้ จะเป็นอรหันต์ได้
@ฝึกเคี้ยวช้าๆ ให้ได้ก่อนหลังจากนั้นจะเคี้ยวเร็วก็ได้ ขอให้ละเอียด
@เราจะบรรลุธรรมได้เร็วด้วยการกินอาหารสูตรย่ำยีมารไปด้วย สนทนาธรรมไปด้วย ฟังธรรมไปด้วย ได้ล้างทั้งกามทั้งอัตตา  เป็นสิ่งมีค่าที่ทุกชีวิตควรได้
@ความก้าวหน้าในการฝึกกินอาหารสูตรมารย่ำยี จะเป็นไปตามธรรมที่ได้บำเพ็ญตามพระพุทธเจ้า ตามพระโพธิสัตว์ จะมีเหตุปัจจัยให้ได้ฝึกตามลำดับ จึงอย่าใจร้อน แต่ก็อย่าเนิ่นช้า
@โดยภาพรวมของการกินอาหารสูตรย่ำยีมาร ทำให้เรากินน้อยลง เรามีพลังมากขึ้น เราสบายใจมากขึ้น นี่ก็ดีที่สุดแล้วชีวิต
@การกินอาหารแบบปรุง ทำให้เกิดอาการไม่สบายต่างๆ ที่ชัดเจน ทำให้เรามีปัญญาคมชัดในการตัดอาหารแบบปรุงได้ด้วยใจที่เป็นสุข
คำคม "เพชรจากใจเพชร"
ดร.ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว)
สวนป่านาบุญ 1
อ.ดอนตาล
จ.มุกดาหาร